เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เผยแพร่ความรู้ภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนและผู้สนใจหาความรู้เพิ่มเติม

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ที่มาของการแบ่งเวลาเป็น A.M และ P.M

a.m. และ p.m. เป็นระบบการบอกเวลาสากลที่ใช้กันทั่วไป ซึ่งใช้บอกเวลาเป็น 2 ช่วงๆละ 12 ชั่วโมง ดังนี้

a.m. ย่อมาจาก ante meridian
เป็นภาษาละติน หมายถึง ช่วงเวลาระหว่างเที่ยงคืนถึงเที่ยงวัน (before midday) ซึ่งเป็นการบอกเวลาในช่วงเช้า ‘in the morning’

ส่วน p.m. ย่อมาจาก post meridian
เป็นภาษาละติน หมายถึงช่วงเวลาระหว่างเที่ยงวันถึงเที่ยงคืน (after midday) ซึ่งเป็นการบอกเวลาในช่วงบ่ายหรือเย็น ‘in the afternoon or evening’ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างประโยคที่ใช้ระบบการบอกเวลาแบบ a.m. และ p.m.
John came home from party at 3.00 a.m.จอห์นกลับจากงานปาร์ตี้ถึงบ้านตี 3 (Three o’clock at night)
The match starts at 3.00 p.m.ฟุตบอลนัดนี้เริ่มแข่งเวลาบ่าย 3 โมง (Three o’clock in the afternoon)

การใช้ a.m.และ p.m. จะใช้กับการบอกเวลาที่เป็นตัวเลข (number expressing time) และจะไม่ใช้ a.m. หรือ p.m. กับ o’clock
นอกจากนี้ ข้อแตกต่างในการใช้ a.m.และ p.m. มักสร้างความสับสนแก่ผู้ใช้คือ เมื่อนาฬิกาบอกเวลาสิบสองนาฬิกา หรือ 12.00 a.m. จะหมายถึงเวลาเที่ยงคืน (midnight) แต่ถ้านาฬิกาบอกเวลา 12.00 p.m. จะหมายถึงเวลาเที่ยงวัน

ที่มา
http://www.aksorn.com/

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ทัช มาฮาล

ประวัติทัชมาฮาล
• ทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานแห่งความรัก
ตั้งอยู่ในเมืองอัครา ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา ประเทศอินเดีย นับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
• ทัชมาฮาล หรือ ตาชมะฮัล (Taj Maha)สุสานหินอ่อนที่ผู้คนเชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลก นับว่าเป็น หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ถูกสร้างขึ้นโดยกษัตริย์อินเดียผู้มีรักมั่นคงต่อพระมเหสีของพระองค์ เจ้าชายขุร์รัม ชึ่งต่อมาคือจักรพรรดิชาห์ ชหาน พระราชสมภพในปี พ.ศ. 2135 (ค.ศ. 1592) พระบิดา คือ จักรพรรดิ ชาห์ ชหานชีร์ จักรพรรดิองค์ที่สี่แห่งราชวงศ์โมกุล แห่งอินเดีย ตามตำนานกล่าวว่า เจ้าชายขุร์รัม ได้พบกับ อรชุมันท์ พานุ เพคุม ธิดาของรัฐมนตรี เมื่อพระองค์ มีพระชนมายุ 14 พรรษา พระองค์ทรงหลงใหลและหลงรักนาง เจ้าชายขุร์รัมจึงซื้อเพชรด้วยเงิน 10,000 รูปีและบอกแก่พระบิดาของพระองค์ว่าพระองค์มีความประสงค์ที่จะแต่งงานกับบุตร สาวของรัฐมนตรี พิธีอภิเษกถูกจัดขึ้นหลังจากนั้น 5 ปี ในปี พ.ศ. 2155 (ค.ศ. 1612) จากนั้นมาทั้งสองก็มิเคยอยู่ห่างกันอีกเลย
• หลังจากที่พระเจ้าชาห์ ชหาน ขึ้นครองราชบัลลังก์ในปี พ.ศ. 2171 พระองค์มอบความไว้วางใจแก่ อรชุมันท์ พานุ เพคุม และเรียกนางว่า มุมตัซ มาฮาล "อัญมณีแห่งราชวัง" พระมเหสีติดตามพระองค์ แม้แต่ในสนามรบ แนะนำพระองค์ในเรื่องราชการของประเทศ และพระองค์ซาบซึ้งในน้ำพระทัยของพระมเหสียิ่งนัก ครั้นในปี พ.ศ. 2174 (ค.ศ. 1631) พระมเหสีมุมตัซสิ้นพระชนม์ หลังจากให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14 การสิ้นพระชนม์ของพระมเหสีทำให้พระเจ้าชาห์ ชหานโศกเศร้าอยู่ถึงสองทศวรรษ ราชสมบัติส่วนใหญ่สูญเสียไปเพื่อการสร้างอนุสรณ์แห่งความรักของทั้งสองพระองค์
• ในปี พ.ศ. 2200 (ค.ศ. 1657) พระเจ้าชาห์ ชหานทรงพระประชวร และในปี พ.ศ. 2201 (ค.ศ. 1658) พระโอรส โอรังเซบ จับพระเจ้าชาห์ ชหานขัง และขึ้นครองราชบัลลังก์แทน พระองค์ถูกกักขังอยู่ถึง 8 ปี จนกระทั่งสวรรคตในปี พ.ศ. 2209 (ค.ศ. 1666) ตามตำนานกล่าวว่าให้วันสุดท้ายของชีวิตพระองค์ใช้เวลาทั้งวันในการจ้องมอง เศษกระจกที่สะท้อนภาพของทัชมาฮาล และสิ้นพระชนม์ด้วยเศษกระจกในกำมือ พระเจ้าชาห์ ชหานถูกฝังในทัชมาฮาล เคียงข้างมเหสีซึ่งพระองค์ไม่เคยลืม มีบางคนกล่าวว่าพระเจ้าชาห์ ชหาน มิได้ประสงค์ที่จะถูกฝังร่วมกับประมเหสี แต่พระองค์มีแผนการที่จะสร้างสุสานอีกแห่งด้วยหินอ่อนสีดำ เพื่อเป็นสุสานของพระองค์ แต่ผู้รู้หลายท่านเชื่อว่าพระองค์ประสงค์ที่จะถูกฝังเคียงข้างพระนางมุมตัซ มาฮาล
• ทัชมาฮาลถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคใหม่ ในทัชมาฮาลส่วนที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ หลุมศพของพระนางมุมตัซ มาฮาล ซึ่งถูกสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ศิลาแลง ประดับลวดลายเครื่องเพชร พลอย หิน โมราและ เครื่องประดับจากมิตรประเทศ ได้รับคำรับรองว่าสร้างขึ้นด้วยสัดส่วนที่วิจิตรและงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 100 เมตร สูง 60 เมตร มีผู้สร้างและออกแบบร่วม 20,000 คน การก่อสร้างกินเวลานานถึง 22 ปี ทัชมาฮาลมีเนื้อที่ประมาณ 42 เอเคอร์ เป็นที่ตั้งของมัสยิด มีหออาซาน (หอสูงสำหรับร้องแจ้งเวลาทำนมาซ) และมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ นายช่างที่ออกแบบ ชื่อ อุสตาด ไอซา ส่วนหัวของทัชมาฮาลมีลักษณะโดมที่เรียกว่าโอเนียนโดม ด้านข้างมีโดมขนาดเล็กสี่ด้าน อาคารตั้งอยู่บนลานหินอ่อนสีขาวโล่งกว้าง รอบลานหินมีราวหินอ่อนโปร่งตา ส่วนที่มุมทั้งสี่ของลานหิน มีหอคอยประจำทิศ เรียกว่า “มินาเร่ต์” เป็นที่ป่าวร้องให้ประชาชนสวดมนต์ตามเวลา
• ในการสร้างทัชมาฮาลครั้งนั้น ต้องใช้แรงงานและเงินเป็นจำนวนมาก จึงมีการเกณฑ์ช่างฝีมือแรงงานและมีการขูดรีดเก็บภาษีจากราษฎรเพื่อเอาเงินมาใช้ในการก่อสร้างอย่างมากมาย ช่างฝีมือจำนวนมากที่แกะสลักหินต้องตาบอดเนื่องจากต้องทำงานกลางแดดจัดเป็นเวลานาน คนงานจำนวนมากต้องล้มตายลงเพราะทำงานหนักและถูกบังคับทารุณให้ทำงานไม่มีหยุด ครั้นสร้างทัชมาฮาลสำเร็จลง พระเจ้าชาห์ชาฮันก็สั่งให้ฆ่าสถาปนิกผู้ออกแบบทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ไปสร้างสิ่งก่อสร้างสวยงามอื่นมาเป็นคู่แข่งกับทัชมาฮาลอีกต่อไป
• ทัชมาฮาลมีประตูทางเข้าขนาดใหญ่ ทำด้วยหินทรายสีแดง ขอบประตูทางเข้าทั้งด้านนอกและด้านในมีตัวอักษรจากภาษาโกรานจารึกไว้ ตัวหนังสือเหล่านี้เป็นบทสวดมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ ผู้จารึกได้คำนวณขนาดของตัวอักษรที่ขอบประตูให้มีความสูงต่างกันเพื่อทำให้ผู้อ่านไม่ว่าจะยืนอยู่มุมใดก็สามารถมองเห็นตัวอักษรเหล่านี้ มีขนาดเท่ากันและเห็นได้ชัดเจน
• ส่วนด้านหลังทัชมาฮาลติดกับแม่น้ำยุมนา ด้านหน้ามีสนามหญ้าและลานอุทยานที่มีบริเวณกว้างขวางจึงทำให้ทัชมาฮาลดูโดดเด่น ด้านหน้ามีถนนตรงไปสู่ตัวอาคารประมาณ 4 ทาง เมื่อมองในระยะไกลเหมือนกับถนนนี้เป็นแนวรัศมีของทัชมาฮาล ถนนเทพื้นด้วยคอนกรีตและคั่นด้วยสนามหญ้า มีพุ่มไม้จำพวกไม้สนปลูกเรียงรายกันเป็นแถวตลอดแนว ระหว่างตรงกลางมีสระน้ำซึ่งมีหัวทำท่องเป็นน้ำพุเรียงรายตลอดแนว ส่วนตอนหน้าเป็นน้ำพุขนาดใหญ่อยู่ในสระที่ถนนทุกสายมาเชื่อมถึงกัน
• เมื่อเข้าไปในตัวอาคารของทัชมาฮาล จะเห็นการแกะสลักลวดลายประดับเป็นลายดอกไม้นานาชนิด ผนังห้องและพื้นห้องมีการตกแต่งโดยใช้หินสีชนิดต่างๆ ตัดและเจียระไนเป็นชิ้นเล็กๆ ทำเป็นรูปกลีบดอกไม้ ก้านดอก ใบไม้ แล้วฝังลงในเนื้อหินอ่อนทีละชิ้นๆ ไล่โทนสีของหินจากสีอ่อนไปยังสีแก่ ลวดลายประดับนั้นดูอ่อนช้อยราวกับภาพที่จิตรกรวาดเป็นลายเส้นด้วยมือทีเดียว หินเหล่านี้เมื่อถูกแสงไฟกระทบจะเกิดการสะท้อนแสงและสีออกมาสวยงาม
• ภายในอาคารทัชมาฮาล ตรงกลางมีหีบพระศพจำลองของพระนางมุมตาสกับหีบพระศพของพระเจ้าชาห์ชาฮันวางคู่กัน (หีบพระศพจริงอยู่ในห้องลึกลงไปด้านล่างประมาณ 10 เมตร) รอบๆ มีฉากกั้นทั้งสี่ด้าน ตัวฉากกั้นเป็นหินอ่อนฉลุลวดลายเครือไม้และไม้ดอกที่งามวิจิตรโปร่งตา ภายในห้องโถงใหญ่มีแสงสว่างส่องจากภายนอกเข้าไปได้ตามช่องแสงที่ติดกระจกสีไว้ เวลาพูดคุยกันจะมีเสียงสะท้อนดังก้องมาก

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การออกเสียงภาษาอังกฤษ

มีประโยชน์สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมั่นใจในการออกเสียงค่ะ





หมั่นฝึกฝน ไม่นานจะชำนาญค่ะ

ภาษาอังกฤษที่คนไทยมักใช้สับสน

"American Share"

เวลาที่เราไปกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ แล้วทุกคนจ่ายโดยเอาค่าอาหารมาหารกันเท่าๆกันนี้ เราชอบใช้คำว่า American Share กัน โดยที่เราเองก็ไม่รู้ว่า คนอเมริกันนิยมหารค่าอาหารกันจริงๆ หรือไม่ แต่ถ้าจะให้ถูกน่าใช้ว่า "Let's go Dutch" ค่ะ แปลว่า ฉันไม่เลี้ยงเธอ เธอไม่ต้องมาเลี้ยงฉัน หารเท่ากัน สบายแฮ


+++++++++++++++++++++++++

"In trend"

คำนี้ นิยมใช้มากตามทีวี วิทยุ บ้านเรา เช่น "ตั้งแต่กลับจากปารีสคราวนี้ สมรศรีแต่งตัวฟูฟ่า in trend จังเลยเธอ" ที่แท้จริง คำนี้ก็ไม่ใช้ค่ะ แต่จะใช้ว่า "trendy" หรือ "fashionable" ค่ะ เช่น "She is dressing so trendy (so fashionably)" ก็ได้นะคะ




+++++++++++++++++



"sound track"

 คำนี้ เชื่อว่า โรงภาพยนตร์บ้านเราทุกโรงใช้ผิดแน่นอน เช่น วันนี้ Minor Complex ภูมิใจเสนอ Frank the buffalo พากษ์ไทย ไม่มี sound track ค่ะพี่น้อง"  จริงๆ แล้วคำนี้ แปลว่า เพลงประกอบภาพยนตร์ค่ะไม่ใช่แปลว่า เสียงในฟิล์ม ถ้าเราจะบอกว่า อยากดูภาพยนตร์ที่พากษ์ภาษาไทย เราควรใช้ว่าำ "Overdubbed" หรือถ้าต้องการให้มีตัววิ่งใต้จอ ก็บอกขอดูหนังที่มี "Sub Titles" ค่ะ





"Hi-So"

 คำนี้ ทุกคนเข้าใจว่ามาจาก High Society ซึ่งไม่ผิดค่ะ เช่น "คู่นี้เขาเป็นแฟนกันได้อย่างไร หนูมาแต่งตัวไฮโซซะ ส่วนตาแมนแต่งตัวโลซกมาก" กั่กๆๆๆ แต่เวลาไปสื่อสารกับฝรั่งต่างภาษา เขาไม่เข้าใจแน่นอนค่ะ ควรใช้ว่า "Classy" หรือ "Hi-Class" ก็ได้ค่ะ  

+++++++++++++++++++++++